รายงานสภาพภูมิอากาศเผย ปี 2016 ร้อนสุดในประวัติศาสตร์
- 7 years ago
รายงานสภาพภูมิอากาศเผย ปี 2016 ร้อนสุดในประวัติศาสตร์
SILVER SPRING, MARYLAND — รายงานจาก National Oceanic and Atmospheric Administration ยืนยันว่าความร้อนในปี 2016 สูงกว่าปี 2015 และนับเป็นปีที่ร้อนที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกเมื่อ 137 ปีก่อน
ตามรายงานสภาวะสภาพภูมิอากาศปี 2016 ของ NOAA ปรากฎการณ์เอลนีโญที่รุนแรงควบคู่ไปกับภาวะโลกร้อนในระยะยาวทำให้อุณหภูมิพื้นดินและพื้นผิวน้ำสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2016 จนนับได้ว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็ยังเพิ่มขึ้น ด้วยความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 400 ส่วนต่อล้านเป็นครั้งแรกของโลก
ระดับน้ำทะเลโลกก็ขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 3.25 นิ้วเพิ่มจากค่าเฉลี่ยในปี 1993 ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเฉลี่ย 0.13 นิ้วต่อปี โดยมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกและมหาสมุทรอินเดียมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุด
วงจรหมุนเวียนของน้ำแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงสุดขั้ว ด้วยภัยแล้งที่ก่อภัยพิบัติในแอฟริกาและอเมริกาใต้ ในขณะที่พื้นที่อื่นๆกลับถูกรุมเร้าด้วยน้ำท่วมและพายุไซโคลนเขตร้อนมาถึงเก้าสิบสามครั้งในปี 2016
ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าไม่มีสัญญาณการชะลอตัวของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งยังอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น เว้นแต่ว่าจะมีการแก้ไขที่ยิ่งใหญ่และเร่งด่วน
ความพยายามล่าสุดในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงการออกจากข้อตกลงปารีสของรัฐบาลทรัมป์ ทำให้ดูเหมือนว่าสภาพอากาศอาจจะยิ่งทำลายสถิติมากขึ้นเรื่อยๆในหลายปีข้างหน้า
SILVER SPRING, MARYLAND — รายงานจาก National Oceanic and Atmospheric Administration ยืนยันว่าความร้อนในปี 2016 สูงกว่าปี 2015 และนับเป็นปีที่ร้อนที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกเมื่อ 137 ปีก่อน
ตามรายงานสภาวะสภาพภูมิอากาศปี 2016 ของ NOAA ปรากฎการณ์เอลนีโญที่รุนแรงควบคู่ไปกับภาวะโลกร้อนในระยะยาวทำให้อุณหภูมิพื้นดินและพื้นผิวน้ำสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2016 จนนับได้ว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็ยังเพิ่มขึ้น ด้วยความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 400 ส่วนต่อล้านเป็นครั้งแรกของโลก
ระดับน้ำทะเลโลกก็ขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 3.25 นิ้วเพิ่มจากค่าเฉลี่ยในปี 1993 ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเฉลี่ย 0.13 นิ้วต่อปี โดยมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกและมหาสมุทรอินเดียมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุด
วงจรหมุนเวียนของน้ำแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงสุดขั้ว ด้วยภัยแล้งที่ก่อภัยพิบัติในแอฟริกาและอเมริกาใต้ ในขณะที่พื้นที่อื่นๆกลับถูกรุมเร้าด้วยน้ำท่วมและพายุไซโคลนเขตร้อนมาถึงเก้าสิบสามครั้งในปี 2016
ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าไม่มีสัญญาณการชะลอตัวของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งยังอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น เว้นแต่ว่าจะมีการแก้ไขที่ยิ่งใหญ่และเร่งด่วน
ความพยายามล่าสุดในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงการออกจากข้อตกลงปารีสของรัฐบาลทรัมป์ ทำให้ดูเหมือนว่าสภาพอากาศอาจจะยิ่งทำลายสถิติมากขึ้นเรื่อยๆในหลายปีข้างหน้า