เปิด 3 ประเด็นศาลไม่ฟังคำโต้แย้งธนาธร | NEW18
- 5 ปีที่แล้ว
1.การโต้แย้งว่ากระบวนการไต่สวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลกระบวนการไต่สวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 82 วรรค 4 กำหนดให้ กกต.มีอำนาจยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเรื่องการสิ้นสุดสมาชิกสภาพของผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงหรือไม่ เป็นการยื่นถูกต้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ การยื่นคำร้องจึงชอบแล้ว
2.บริษัทวีลัค มีเดีย ปิดตัวลงตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.2561
การอ้างว่าวีลัค ปิดกิจการโดยเลิกจ้างพนักงาน เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2561 เป็นต้นมา รวมทั้งเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงต่อประกันสังคมแล้ว ถือว่าฟังไม่ขึ้น ตราบที่ยังไม่จดทะเบียนเลิก ตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 เพราะยังสามารถประกอบกิจการเมื่อไหร่ก็ได้
3.ในวันสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 6 ก.พ.2562 ผู้ถูกร้องไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นสื่อ เพราะโอนให้มารดาไปแล้วตั้งแต่ 8 มกราคม 2562 พบพิรุธในประเด็นหลักๆ คือ
3.1.การโอนหุ้นของผู้ถูกร้อง เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ไม่ปรากฎการส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพราะเป็นหลักฐานสำคัญในการเข้าสู่การเมือง การไม่ส่งสำเนา บอจ.5 จึงเป็นการผิดปรกติจากที่เคยปฏิบัติมา
ส่วนการแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล โดยอ้างว่าไม่ได้ส่งเอกสารทันที เพราะบริษัทเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดไปตั้งแต่เดือน พ.ย.จึงไม่มีนักบัญชี ยังขัดกับคำให้การของพยาน ในการโอนหุ้น คือ นางลาวัลย์ จันทรเกษม ที่ศาลได้สอบถามแล้ว เจ้าตัวอ้างว่าสามารถทำได้ หากมีคำสั่งให้ทำ หรือมอบอำนาจให้ใคร ไปแจ้งบัญชีผู้ถือหุ้นแก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแทนก็ได้
3.2.การสั่งจ่ายเช็กโดยนางสมพรให้ผู้ถูกร้อง ที่อ้างว่าไม่ได้นำไปขึ้นเงินนานกว่า 4 เดือน เพราะแตกต่างจากการสืบย้อนหลังที่เคยเป็นมา เพราะเช็กที่มียอดเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป จะถูกขึ้นเงินในเวลา 42-45 วัน แม้ภรรยาผุ้ถูกร้อง จะอ้างว่าไม่มีเวลาไปเพราะเลี้ยงลูกทารกน้อย ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะผู้ถูกร้อง สามารถมอบอำนาจให้ใครไปดำเนินการก็ได้
ส่วนการอ้างว่า นำเช็กไปชี้แจงต่อ กกต. พบเป็นเพียงการส่งสำเนาเช็กให้ผู้ร้อง ไม่ได้ส่งต้นฉบับให้แต่อย่างใด
3.3.การอ้างว่า ผู้ถูกร้องเดินทางกลับจากบุรีรัมย์มายังบ้านพัก รับฟังได้เพียงว่าผู้ถูกร้องอยู่ในกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 8 ม.ค. ไม่ได้มีการโอนหุ้นในวันดังกล่าวจริง เพราะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นๆ ทั้งปวงแห่งคดี เป็นการกล่าวอ้างให้เจือสมกับที่ปรากฎหลักฐาน บอจ.5 ที่บริษัทวีลัก ยื่นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562
ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเรื่องนี้ พบพิรุธหลายจุดหลายประการ และหลักฐานที่สอดรับกันอย่างแน่นหนา น่าเชื่อถือมากกว่าผู้ถูกร้อง ประกอบกับพฤติการณ์ทั้งปวง วินิจฉัยว่าผู้ถูกร้องยังถือหุ้นสื่ออยู่ อันเป็นลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิเลือกตั้ง สมาชิกภาพของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 วงเล็บ 6 กับมาตรา 98 วงเล็บ 3
ส่วนมาตรา 82 วรรค 2 ระบุว่า หากปรากฎเหตุอันควรสงสัย ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น ถือว่าผู้ถูกร้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป ส.ส.บัญชีรายชื่อว่างลง ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.2562 และให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไป ต้องเลื่อนขึ้นมาแทนตำแหน่งที่ว่าง
อ่านข่าวเพิ่มเติม : https://www.newtv.co.th/
ท่านสามารถรับชม "นิว18 NEW18" ทีวีดิจิตอลช่อง 18 และ ทางออนไลน์ได้ที่ https://www.newtv.co.th/live/
ทั้งโทรศัพท์สมาร์ทโฟนระบบ Android และ IOS
Facebook : https://www.facebook.com/newtvpage
Twitter : https://twitter.com/newtv_18
Instagram: https://instagram.com/newtv_18
#new18 #นิวที
ศาลกระบวนการไต่สวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 82 วรรค 4 กำหนดให้ กกต.มีอำนาจยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเรื่องการสิ้นสุดสมาชิกสภาพของผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงหรือไม่ เป็นการยื่นถูกต้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ การยื่นคำร้องจึงชอบแล้ว
2.บริษัทวีลัค มีเดีย ปิดตัวลงตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.2561
การอ้างว่าวีลัค ปิดกิจการโดยเลิกจ้างพนักงาน เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2561 เป็นต้นมา รวมทั้งเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงต่อประกันสังคมแล้ว ถือว่าฟังไม่ขึ้น ตราบที่ยังไม่จดทะเบียนเลิก ตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 เพราะยังสามารถประกอบกิจการเมื่อไหร่ก็ได้
3.ในวันสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 6 ก.พ.2562 ผู้ถูกร้องไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นสื่อ เพราะโอนให้มารดาไปแล้วตั้งแต่ 8 มกราคม 2562 พบพิรุธในประเด็นหลักๆ คือ
3.1.การโอนหุ้นของผู้ถูกร้อง เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ไม่ปรากฎการส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพราะเป็นหลักฐานสำคัญในการเข้าสู่การเมือง การไม่ส่งสำเนา บอจ.5 จึงเป็นการผิดปรกติจากที่เคยปฏิบัติมา
ส่วนการแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล โดยอ้างว่าไม่ได้ส่งเอกสารทันที เพราะบริษัทเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดไปตั้งแต่เดือน พ.ย.จึงไม่มีนักบัญชี ยังขัดกับคำให้การของพยาน ในการโอนหุ้น คือ นางลาวัลย์ จันทรเกษม ที่ศาลได้สอบถามแล้ว เจ้าตัวอ้างว่าสามารถทำได้ หากมีคำสั่งให้ทำ หรือมอบอำนาจให้ใคร ไปแจ้งบัญชีผู้ถือหุ้นแก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแทนก็ได้
3.2.การสั่งจ่ายเช็กโดยนางสมพรให้ผู้ถูกร้อง ที่อ้างว่าไม่ได้นำไปขึ้นเงินนานกว่า 4 เดือน เพราะแตกต่างจากการสืบย้อนหลังที่เคยเป็นมา เพราะเช็กที่มียอดเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป จะถูกขึ้นเงินในเวลา 42-45 วัน แม้ภรรยาผุ้ถูกร้อง จะอ้างว่าไม่มีเวลาไปเพราะเลี้ยงลูกทารกน้อย ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะผู้ถูกร้อง สามารถมอบอำนาจให้ใครไปดำเนินการก็ได้
ส่วนการอ้างว่า นำเช็กไปชี้แจงต่อ กกต. พบเป็นเพียงการส่งสำเนาเช็กให้ผู้ร้อง ไม่ได้ส่งต้นฉบับให้แต่อย่างใด
3.3.การอ้างว่า ผู้ถูกร้องเดินทางกลับจากบุรีรัมย์มายังบ้านพัก รับฟังได้เพียงว่าผู้ถูกร้องอยู่ในกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 8 ม.ค. ไม่ได้มีการโอนหุ้นในวันดังกล่าวจริง เพราะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นๆ ทั้งปวงแห่งคดี เป็นการกล่าวอ้างให้เจือสมกับที่ปรากฎหลักฐาน บอจ.5 ที่บริษัทวีลัก ยื่นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562
ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเรื่องนี้ พบพิรุธหลายจุดหลายประการ และหลักฐานที่สอดรับกันอย่างแน่นหนา น่าเชื่อถือมากกว่าผู้ถูกร้อง ประกอบกับพฤติการณ์ทั้งปวง วินิจฉัยว่าผู้ถูกร้องยังถือหุ้นสื่ออยู่ อันเป็นลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิเลือกตั้ง สมาชิกภาพของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 วงเล็บ 6 กับมาตรา 98 วงเล็บ 3
ส่วนมาตรา 82 วรรค 2 ระบุว่า หากปรากฎเหตุอันควรสงสัย ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น ถือว่าผู้ถูกร้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป ส.ส.บัญชีรายชื่อว่างลง ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.2562 และให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไป ต้องเลื่อนขึ้นมาแทนตำแหน่งที่ว่าง
อ่านข่าวเพิ่มเติม : https://www.newtv.co.th/
ท่านสามารถรับชม "นิว18 NEW18" ทีวีดิจิตอลช่อง 18 และ ทางออนไลน์ได้ที่ https://www.newtv.co.th/live/
ทั้งโทรศัพท์สมาร์ทโฟนระบบ Android และ IOS
Facebook : https://www.facebook.com/newtvpage
Twitter : https://twitter.com/newtv_18
Instagram: https://instagram.com/newtv_18
#new18 #นิวที